ตอบโจทย์ความท้าทายของพลังงานที่ยั่งยืนแบบครบวงจรสำหรับเครื่องจักรหนัก

เกณฑ์ความสำเร็จพื้นฐานสำหรับแหล่งพลังงานทางเลือกใดๆ คือจะต้อง: 

• มีความคุ้มค่าในการผลิตและการใช้งาน
• ส่งมอบความหนาแน่นพลังงานที่ต้องการ ได้นานเท่าที่จำเป็นสำหรับแต่ละกรณีการใช้งาน 
• มีโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับการเติมเชื้อเพลิงหรือการชาร์จ
• สามารถใช้งานได้จริงในด้านน้ำหนัก ขนาด ความปลอดภัย เศรษฐกิจ และประสบการณ์ของผู้ใช้
• เพิ่มความยั่งยืนสูงสุดตลอดวงจรอายุการใช้งาน ตั้งแต่การผลิตจนถึงหลังจากเลิกใช้งาน 

การใช้งานเครื่องจักรหนักในสภาพแวดล้อมอุตสาหกรรมหรือเกษตรกรรม ก่อให้เกิดความต้องการพลังงานเพิ่มเติมเนื่องจาก:

• ใช้พลังงานมากกว่ายานพาหนะขนาดเล็ก
• มีความต้องการใช้พลังงานสูงเป็นช่วงๆ เช่น ในการยกหรือการลาก 
• ต้องการระดับพลังงานที่สม่ำเสมอตลอดวงจรการทำงาน
• ควรเพิ่มช่วงเวลาระหว่างการชาร์จ/เติมพลังงานและการบำรุงรักษา เพื่อช่วยลดความถี่ในการหยุดเครื่อง
• เนื่องจากอุปกรณ์เหล่านี้มักปฏิบัติงานในพื้นที่ห่างไกล เช่น ฟาร์มขนาดใหญ่ ซึ่งมีโครงสร้างพื้นฐานจำกัด การเข้าถึงสถานที่เพื่อเติมพลังงานหรือซ่อมบำรุงจึงส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพของการดำเนินงาน 

การเลือกแหล่งจ่ายไฟที่เหมาะสมจำเป็นต้องคำนึงถึงปัจจัยเหล่านี้ 

ศูนย์ข้อมูลเชื้อเพลิงทางเลือกของกระทรวงพลังงานสหรัฐอเมริกา (AFDC) ให้บทสรุปเกี่ยวกับแหล่งพลังงานทางเลือกที่อยู่ระหว่างการพัฒนา ตั้งแต่แบตเตอรี่ไปจนถึงเชื้อเพลิงชีวภาพ 

พวกมันแบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลักได้แก่: 

• โซลูชันที่ใช้ทางเลือกโดยตรงแทนน้ำมันเบนซินหรือดีเซลในการจ่ายพลังงานให้กับเครื่องยนต์แบบดั้งเดิม 
• โซลูชันที่ใช้เชื้อเพลิงทางเลือก โดยปกติคือไฮโดรเจน ในเซลล์เชื้อเพลิงที่จ่ายพลังงานให้กับแบตเตอรี่ 
• โซลูชันที่ใช้แบตเตอรี่ในการเก็บและจ่ายพลังงานที่ผลิตจากภายนอกรถ
• โซลูชันแบบผสมผสานที่รวมพลังงานจากแบตเตอรี่และเชื้อเพลิงแบบดั้งเดิม

แต่ละทางเลือกมีทั้งข้อดีและความท้าทาย และนวัตกรรมที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในแต่ละหมวดหมู่ทำให้ยากที่จะระบุผู้ชนะในระยะยาวเพียงรายเดียว  

สำหรับตอนนี้ บทความของ Boston Consulting Group ในปี 2564 ได้ให้มุมมองนี้เกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันไว้ว่า – 

....หากเป้าหมายคือการลดต้นทุนให้ต่ำที่สุด บริษัทอาจไม่สามารถใช้เชื้อเพลิงชนิดเดียวกับยานพาหนะทุกประเภทและการใช้งานทั้งหมดได้ ตัวอย่างเช่น พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่จะเป็นทางเลือกสําหรับรถบรรทุกขนาดเล็กหรือรถกระบะ แต่บริษัทต่างๆ จะต้องการโซลูชันอื่น เช่น เซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนสําหรับรถที่มีน้ำหนักมากกว่า

การส่งมอบพลังงานที่ยั่งยืนอย่างแท้จริงต้องให้ความสำคัญกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในทุกขั้นตอนของการผลิต การดำเนินงาน การบำรุงรักษา และการปลดระวาง

นวัตกรรมในเทคโนโลยีวัสดุกำลังเปลี่ยนแปลงการผลิต มอบประโยชน์ด้านความยั่งยืนตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่า โดย

• ช่วยให้ระบบขับเคลื่อนมีน้ำหนักลดลงตั้งแต่การออกแบบ พร้อมเพิ่มความปลอดภัยและประสิทธิภาพด้วยการจัดการความร้อนที่ดีขึ้น 
• นำเสนอโซลูชันการยึดติด การซีล และเทคโนโลยีทางเคมีอื่นๆ ที่ช่วยลดเวลา ทรัพยากร และพลังงานที่จำเป็นในการผลิต ให้โซลูชันพลังงานที่มีความทนทานและดูแลรักษาได้ง่าย
• เอื้ออำนวยให้เกิดการรีไซเคิลและการนำกลับมาใช้ใหม่สูงสุด ด้วยวัสดุและเทคนิคการยึดเกาะแบบใหม่

เทคโนโลยีวัสดุของ Henkel ได้สร้างความสำเร็จด้วยแบรนด์และเทคโนโลยีต่างๆ มานานกว่า 140 ปี ความเชี่ยวชาญและกลุ่มโซลูชันที่เหนือชั้นของเรา มีความสามารถที่ได้รับการพิสูจน์แล้วในด้าน eMobility และความมุ่งมั่นของเราในด้านนวัตกรรมและความร่วมมือ ทำให้เราเป็นพันธมิตรที่เหมาะสมในการสร้างโซลูชันที่ยั่งยืนสำหรับพลังงานเครื่องจักรกลหนัก 

Henkel นำเสนอโซลูชันชั้นนำของตลาดและความเชี่ยวชาญทางเทคนิคอย่างกว้างขวาง ในเทคโนโลยีวัสดุหลากหลายประเภทสำหรับการผลิตระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า เครื่องชาร์จ ตัวแปลงไฟฟ้า และอินเวอร์เตอร์ – 

• สารยึดติด
• ยาแนว
• Gap pads and fillers
• วัสดุเคลือบทับ
• ปะเก็น
• การถ่ายเทความร้อน
• การยึดเกาะแม่เหล็ก 
• แผงวงจรพิมพ์ (PCB)

Henkel เป็นผู้พัฒนาและผู้ผลิตโซลูชันการจัดการความร้อนแบรนด์ BERGQUIST^® ซึ่งเป็นผู้นำตลาดในระดับโลก การจัดการความร้อนและการระบายความร้อนอย่างมีประสิทธิภาพถือเป็นปัจจัยสำคัญในการตอบสนองความต้องการด้านพลังงานอย่างยั่งยืน เพื่อรองรับประสิทธิภาพที่สูงขึ้น ฟังก์ชันที่มากขึ้น ขนาดอุปกรณ์ที่เล็กลง และความหนาแน่นของพลังงานที่เพิ่มขึ้น